ย้อนรอยชวนคิดถึง ผู้สลักศิลปะในหัวใจ
บิดาแห่งศิลปากร
“ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี”
“ชีวิตนั้นสั้น…แต่ศิลปะนั้นยืนยาว” แม้กาลเวลาล่วงเลยมาแล้วกี่ยุคกี่สมัย
แต่คำกล่าวนี้ยังคงเป็นที่จดจำอย่างไม่เสื่อมคลาย
นามผู้ยิ่งใหญ่และครูผู้บ่มเพาะวิชา เจ้าของผลงานอันลือชื่อ
ผู้ที่กายเป็นต่างชาติแต่มีหัวใจเป็นไทย
ศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรี ถือเป็นบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่
และเป็นผู้วางรากฐานการเรียนและงานศิลปะของประเทศไทยให้เป็นปึกแผ่น
รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อและโดดเด่นในเรื่องศิลปะ งานศิลปะนั้นถือว่าเป็นทั้งชีวิตและหัวใจของท่าน
ตลอดชีพท่านอุทิศให้กับงานศิลปะและทำหน้าที่ครูสั่งสอนลูกศิษย์ตราบจนสิ้นลมหายใจ ดังคำกล่าวว่า “งานศิลปะจะจีรังยืนยาวให้ผู้คนกล่าวขานถึงผลงานไม่จบสิ้น
หากแต่ชีวิตที่จะอยู่รังสรรค์ผลงานนั้นแสนสั้นนัก” เป็นการกล่าวด้วยประโยคสั้นๆ
แต่ความหมายนั้นลึกซึ้ง ตอกย้ำให้รุ่นลูกหลานกล่าวสรรเสริญถึงความทุ่มเท วิริยะ
อุตสาหะเพื่อวงการศิลปะอย่างแท้จริง
ศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรี เป็นชาวอิตาลี สัญชาติไทย มีนามเดิมว่าคอร์รา โดเฟโรจี (Professor
Corra DoFeroci) เกิดในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๓๕ ในเขตเมืองซาน จีโอวานนิ (San
Giovanni) บิดาชื่อ นาย Artudo Doferoci และมารดาชื่อนาง
Santina Doferoci ทั้งบิดาและมารดามีอาชีพค้าขาย
จุดเริ่มต้นการทำงานในประเทศไทยของศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรี เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ซึ่งในยุคนั้นวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามามีบทบาทต่อสังคมไทย นับตั้งแต่บ้านเมืองเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงและเปิดรับวัฒนธรรมมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(รัชกาลที่ ๕)
และเมื่อรัชกาลที่ ๖ มีพระราชประสงค์ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะเข้ามาสอนคนไทยปั้นแต่งหรือวาดเขียนงานศิลปะเฉกเช่นชาวยุโรป
จึงได้การติดต่อกับทางรัฐบาลของประเทศอิตาลี จนได้รู้ถึงฝีมือและความเก่งกาจในด้านจิตรกรรมและประติมากรรมของนายคอร์รา โดเฟโรจี ซึ่งในขณะนั้นเข้ามาทำงานในประเทศไทยตามคำแนะนำของรัฐบาลอิตาลี
ด้วยเหตุนี้จึงนับได้ว่านี่เป็นก้าวแรกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี
ผู้ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย
เส้นทางชีวิตของศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรี ในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นในวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ
แผนกศิลปากรสถานแห่งบัณฑิตยสภา ต่อมาเมื่อถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้ถูกจับตัวเป็นเชลยสงคราม แต่ได้รับการช่วยเหลือจากหลวงวิจิตรวาทการ
และได้รับการเปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย โดยใช้ชื่อใหม่ว่า “ศิลป์ พีระศรี”
เมื่อสงครามสงบลงแล้ว ในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียนประณีตศิลปกรรม
แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง และในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ทางกรมศิลปากรได้แยกออกจากกระทรวงศึกษาธิการ
โดยไปขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในสมัยนั้น ซึ่งตรงกับสมัยของจอมพล ป.
พิบูลสงคราม ซึ่งเห็นถึงความสำคัญของศิลปะ จึงได้สั่งให้มีการปรับปรุงหลักสูตร
จนพัฒนากลายมาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนแรก และยังเป็นครูสอนศิลปะที่ลูกศิษย์ให้การเคารพนับถือมากมาย
ด้วยความทุ่มเทตลอดจนชีพวายซึ่งท่านได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและเนื้องอกในลำไส้
ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ สิริอายุได้
๗๐ ปี ณ
โรงพยาบาลศิริราช
ผลงานที่สำคัญของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีและลูกศิษย์นั้น
มีทั้งจิตรกรรมและประติมากรรม แต่สิ่งที่โดดเด่นและอยู่คู่สังคมไทยมาตลอดทุกยุคทุกสมัย
คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยท่านเป็นผู้ควบคุมและดูแลการปั้นรูปปั้นทั้ง ๕ เหล่า
ซึ่งประกอบไปด้วย ทหารบก ทหารเรือ
ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน ซึ่งสละชีพเป็นจำนวน ๕๙ ราย ในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเรื่องการปรับปรุงพรมแดนไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส
โดยตรงกลางฐานนั้นเป็นรูปฐานปล่อยกระสุนปืนใหญ่
ซึ่งเป็นสถานที่บรรจุอัฐิผู้เสียสละชีพทั้ง ๕๙ นาย
และฐานโดยรอบยังมีการสลักชื่อทหารและผู้เสียสละในสงคราม เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๘๐๑ นาย
แม้ว่าครูศิลปะผู้ทรงคุณค่าอย่างศาสตราจารย์ศิลป์
พีระศรี จะสิ้นชีพไปกว่า ๕๔ ปีแล้ว แต่ท่านก็ได้สร้างผลงานศิลปะฝากไว้ในแผ่นดินไทยมากมาย
และความดีงาม ความรักในศิลปะอันลึกซึ้งของท่านนั้นยังคงอยู่
ทั้งยังได้รับการส่งต่อไปยังเหล่าลูกศิษย์นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
รวมไปถึงศิลปินหลายๆ ท่านที่ยกย่องท่านเป็นต้นแบบในการทำงานศิลปะ
นับว่าความเคารพนับถือในตัวศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี นั้น
ตรงกับคำพูดที่ท่านเคยได้กล่าวกับลูกศิษย์ในยามที่มีชีวิตอยู่ว่า
“นาย...ถ้าฉันตาย...นายคิดถึงฉัน...นายรักฉัน...นายไม่ต้องทำอะไร...นายทำงาน”
ที่มา: ข้อมูลและรูป
https://www.clickforclever.com/lesson/1441779656002498/
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=haiku&month=15-09-2009&group=2&gblog=25
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000111883
https://th.wikipedia.org/wiki/อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
จัดทำโดย
นางสาวนิอร หมั่นกิจ ๐๐๑
นางสาวกัณย์ฑิตา คำคุณ ๐๐๒
นางสาวเพชรา นุชแดง ๐๒๖
นางสาวมัทรี ขำมโน ๐๒๘
นางสาวกนกวรรณ สุขเสถียร ๐๔๓
นางสาวฐานิษรา ตั้งก่อกิจ ๐๔๔
นางสาวพิมพิกา ใจหนัก ๐๕๓
นางสาวเมษณี เสภู่ ๐๕๕
นางสาววิมลพรรณ ประวัติ ๐๕๖
นางสาววรัญญา ฉลาดละออ ๐๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น