ที่เกรินมาข้างต้นไม่ใช่จะพาไปศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยหรืออะไรเทือกๆ
นั้น แต่ในวันนี้ดิฉันจะนำทุกท่านไปท่องเที่ยวแบบท้าแดดท้าลม
แถมเงินแทบไม่กระเด็นออกจากกระเป๋ากันเลยทีเดียว ที่แรกที่จะไปคือวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือที่ได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า
วัดพระแก้ว นั่นเอง
เหตุผลที่เรียกวัดพระแก้วก็เพราะในวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้
เป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระแก้วมรกตซึ่งองค์พระพุทธรูปที่งดงามมาก
และด้วยความที่สนามหลวงนั้นมีวัดมากมายอยู่ในระแวกใกล้เคียง สถานที่ต่อไปที่ดิฉันจะพาทุกท่านไปก็คือ
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามหรือที่เราเรียกกันคุ้นปากว่า
วัดโพธิ์ นั่นเอง
วัดโพธิ์เป็นที่ประดิษฐ์สถานของพระนอนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระนอนที่สวยที่สุดในประเทศไทย
และแน่นอนว่าหากใครเคยได้ยินตำนานเล่าขานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้ง
ทุกๆท่าน ก็คงไม่พลาดที่จะไปเยือนวัดแจ้งเป็นสถานที่ต่อไป ตำนานที่ว่านั้น คือยักษ์ทั้งสองวัดมีความบาดมางกัน จึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท
และต่อสู้กันอย่างรุนแรง ด้วยความที่ยักษ์มีร่างกายสูงใหญ่
ระหว่างที่ต่อสู้กันนั้น พวกยักษ์ก็ได้เหยียบย้ำบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงจนเละเทะแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ตำนานนี้จึงเป็นต้นกำเนิดของ ท่าเตียน..
พูดซะขนาดนี้ไม่พาไปเยี่ยมชมวัดแจ้งคงไม่ได้ อีกทั้งวัดแจ้งยังอยู่ใกล้เคียงกับวัดโพธิ์ ห่างเพียงแม้น้ำเจ้าพระยาพาดผ่านเท่านั้น การจะเดินทางข้ามไปวัดแจ้งก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่นั่งเรือข้ามฟากโดยเสียค่าโดยสารเพียง ๓ บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากแถบไม่สะกิดขนหน้าแข้งนักท่องเที่ยวซักนิดเดียว วัดแจ้งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดโพธิ์ โดยสิ่งที่โดดเด่นของวัดแจ้งก็คือพระปรางค์ซึ่งมีขนาดใหญ่ตั้งสง่าโดดเด่นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลอีกทั้งพระปรางของวัดแจ้งได้สร้างขึ้นให้คล้ายกับเขาพระสุเมรุ ซึ่งเขาพระสุเมรุนี้เราทุกคนต่างได้เรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเป็นเรื่องราวของแดนสวรรค์แดนนรกบุญบาปต่างๆ นอกจากนี้วัดแจ้งอาจมีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีที่ยิ่งใหญ่ของไทยเรื่องหนึี่ง อันได้แก่มหากาพย์สงรามอันยิ่งใหญ่เรื่องรามเกียรติ์นี่เอง เพราะยักษ์ที่เฝ้าหน้าวัดนั้นก็คือทศกัณฐ์และสหัสเดชะ ซึ่งเป็นตัวละครที่สำคัญของวรรณคดีเรื่องนี้
เห็นมั๊ยคะว่าการท่องเที่ยวแบบง่ายๆ ราคากันเอง การเที่ยวแบบวันเดียวจบแต่ได้ไปหลายๆ ที่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหน ย่านสนามหลวงนี้ก็ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้มสุดๆ ในการตัดสินใจมาเที่ยว แถมในย่านนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ได้นำว่ากล่าวถึงอีกมาก เช่น ศาลหลักเมือง วังหลัง มิวเซี่ยมสยาม และอื่นๆ ที่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมานำเสนอโดยผู้อ่านสามารถเลือกท่องเที่ยวไปในที่ๆ ตัวเองชื่นชอบได้ตามสบาย อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าในย่านนี้จะคงความเก่าแก่ไว้ให้มากที่สุด สนามหลวงจึงเหมาะกับคนที่อยากซึบซับความรู้สึกในอดีต หรืออยากสัมผัสความเก่าแก่ในย่านเมืองเก่ากลางกรุงอย่างนี้ก็ถือว่าหายากมากๆ หากท่านได้มาเยือนในที่แห่งนี้รับรองเลยว่าทุกท่านต้องหลงเสน่ห์มนขลังความร่วมสมัยของที่นี่อย่างแน่นอน
เมษิณี เสภู่ ๐๕๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น