หน้าร้อนแบบนี้เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว
หลายๆ คนคงนึกอยากไปเดินเล่นในห้างที่มีแอร์เย็นฉ่ำ หรือที่ไหนก็ได้ที่มีแอร์ช่วยให้คลายร้อน
เพราะเมื่อเห็นแสงแดดที่แผดเผาอยู่ทุกๆ วัน
คงยากที่จะมีใครอยากจะออกมาเดินเล่นข้างนอกให้รู้สึกเหมือนเป็นไก่ย่างถูกเผา ข้าพเจ้าเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบสถานที่เย็นๆ
เช่นกัน โดยปกติแล้วจึงมักจะไปสิงตัวอยู่ตามห้างหรือร้านที่มีแอร์เย็นๆ
ไม่เว้นแม้กระทั่งเซเว่น... โอกาสที่จะไปเดินเล่นชิวๆ ในสภาพอากาศร้อนๆ
นั้นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากเรียนเสร็จ
ก็เกิดมีความคิดขึ้นมาว่า “ไปเดินเล่นที่วังหลังกับเพื่อนๆ ดีไหม?”
เพราะเป็นสถานที่ที่ยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง คิดได้อย่างนั้นก็ชวนเพื่อนๆ
ในกลุ่มนั่งรถจากหน้าโรงพยาบาลวชิระไปกันโดยไม่รอช้า
รถเมล์สาย 524 พาพวกเราทั้ง 6 คนไปส่งที่สนามหลวง
ก่อนที่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ จะพากันเดินไปยังท่าเตียน โดยเหตุผลที่เราเลือกจะไปขึ้นเรือข้ามฟากที่นั่น
เพราะอยากจะแวะไปที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารก่อน หลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารกันคนละ
3 บาท เรือก็พาเรามาส่งตรงท่าเรือวัดอรุณฯ
ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ เดินตามนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติเข้าไปในภายในวัดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน
รู้สึกเย็นสบายเล็กน้อยเพราะต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในบริเวณวัด
แต่ถึงกระนั้นแสงแดดก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเสียจนพวกเราแทบจะเป็นลม ด้วยความที่อากาศยังร้อนอยู่มาก
ข้าพเจ้าจึงทำเพียงแค่ถ่ายรูปสองยักษ์เฝ้าวัดอรุณฯ อย่างทศกัณฐ์และสหัสเดชะที่ยืนคุมเชิงอย่างแข็งขันบริเวณหน้าประตู
หันไปกดมือถือเก็บรูปพระปรางค์ที่กำลังบูรณะกับศาลาทรงจีนที่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา
ก่อนที่เพื่อนๆ จะชักชวนออกจากวัดเพื่อไปที่วังหลังกันต่อ
ยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
พระปรางค์ที่กำลังบูรณะ
ศาลาทรงจีนริมน้ำ
พวกเราเดินออกมายังด้านหน้าของวัด
ก่อนจะถามวิธีการเดินทางไปยังวังหลังกับเจ้าหน้าที่ทหารที่หอประชุมกองทัพเรือ
ซึ่งได้บอกให้เราข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์อีกฝั่ง หลังจากกล่าวขอบคุณแล้วข้าพเจ้าและเพื่อนๆ
จึงเดินข้ามสะพานลอยมารอรถ ใช้เวลาเพียงชั่วครู่รถก็มา
พวกเราจึงขึ้นไปลงที่หน้าโรงพยาบาล
ก่อนที่จะพากันเดินไปยังวังหลังด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เพราะสภาพอากาศยังคงร้อนอยู่
เมื่อเดินมาถึงวังหลัง
สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในความคิดของพวกเราคือการหาอะไรรองท้อง เพราะทุกคนต่างก็เหนื่อย ร้อน
และอยากจะพักกัน ดังนั้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าร้าน “อรทัย ซูชิวังหลัง”
ร้านที่เหล่าวัยรุ่นชอบมาทานกัน พวกเราจึงไม่คอยท่า
ตัดสินใจกันอย่างรวดเร็วว่าเราจะพักเติมเสบียงให้กับพุงน้อยๆ
ก่อนที่จะไปเดินเที่ยวกันต่อ เพราะหากไม่หยุดพักกันเสียหน่อย
อาจจะมีใครเป็นลมเป็นแล้งได้
หลังจากพักกันจนหายเหนื่อยและอิ่มท้องแล้ว
ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ จึงออกจากร้านเพื่อไปตะลุยกันต่อ
เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ออกมาเดินเล่นในแหล่งช็อปปิ้งที่ขึ้นชื่อแห่งนี้
จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับร้านที่เรียงรายกันอยู่สองข้างทาง
แม้บางร้านจะเริ่มทยอยปิดเพราะเย็นย่ำแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายร้านที่ยังคงเปิดต้อนรับลูกค้าอยู่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ที่วังหลังนี้มีสินค้าขายกันละลานตา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ขนม กระเป๋า
รองเท้า ผลไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย เยอะแยะเสียจนข้าพเจ้าบอกเล่าได้ไม่หมด แต่ที่ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นร้านหนังสือ
“ต้นสน” เพราะโดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ
เมื่อได้มาเห็นร้านหนังสือที่ดูเก่าๆ แต่ดูคลาสสิคแบบนี้
จึงอดไม่ได้ที่จะนึกชอบใจจนต้องกดมือถือถ่ายรูปมาไว้เป็นที่ระลึก
แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปดูด้านในร้านอย่างที่อยาก
เพราะต้องรีบเร่งเดินให้ทั่วก่อนที่ตะวันจะลับฟ้า
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทำได้เพียงเดินจากมาด้วยความคิดที่ว่า "ไว้วันหลังจะมาเดินดูหนังสือที่นี่อีกครั้ง"
ร้านหนังสือ "ต้นสน" ที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ
หลังผละออกจากร้านหนังสือข้าพเจ้าและเพื่อนๆ
ก็เดินชมร้านค้ากันอีกสักพัก ก่อนจะออกมายังท่าเรือวังหลังในเวลาค่ำ
แสงอาทิตย์ได้จากลาพวกเราไปแล้วหลังจากที่แผดเผาเมืองกรุงเทพมาหลายชั่วโมง
แต่แม้จะค่ำแล้วท่าเรือก็ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คน พวกเราต่างขึ้นเรือข้ามฟากกลับไปยังท่าพระจันทร์อย่างไม่รอช้า
เพราะยังต้องเดินทางกลับบ้านกันอีกไกล แสงไฟริมถนนส่องสว่างแทนแสงแดดที่ลาลับ
สองขาของข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ต่างก้าวไปตามทางเท้าอย่างรีบเร่ง ก่อนจะมาหยุดรอรถเมล์กันที่ป้าย
ใช้เวลาเพียงครู่รถก็มาจอดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่สองขาจะพาข้าพเจ้าขึ้นไปบนรถเมล์
ความเหนื่อยล้าของข้าพเจ้าได้ถูกเยียวยาด้วยแอร์ที่เย็นฉ่ำของรถเมล์
หลังจากที่ไปเดินตะลุยท่ามกลางอากาศร้อนๆ มาทั้งวัน
การได้ออกมาเที่ยวสถานที่อื่นนอกจากห้างหรูๆ
แอร์เย็นๆ บางครั้งก็อาจทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
แม้บางครั้งอากาศอาจจะไม่เอื้ออำนวยให้เรารู้สึกสบายตัวนัก
แต่การได้มาเดินเล่นในวันที่แสงแดดร้อนแรงก็ทำให้เราได้ฝึกความอดทน
ได้พบเจออะไรใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็น เปิดโลกทัศน์ให้เราได้เรียนรู้อะไรๆ
มากขึ้นกว่าเดิม ในตอนแรกเราอาจจะคิดว่าการมาเดินเที่ยวท่ามกลางแดดกรุงเทพนั้นดูลำบาก
แต่ถ้าหากได้ลองมาเที่ยวดูสักครั้ง เสน่ห์ของมุมเมืองที่เราไม่เคยคิดจะมาเยือน
อาจทำให้เราหลงเสียจนลืมความร้อนจากแสงอาทิตย์เลยก็เป็นได้
พิมพิกา ใจหนัก 053